บทสัมภาษณ์เจ้าของร้านหลั่นหยิน ก๋วยจั๊บหมูกรอบ

IMG_6857-2.jpg (1200×800)

วันนี้จะพามาพูดคุยฟังแนวคิดจากร้านก๋วยจั๊บที่เคยสร้างกระแสให้ฮือฮาบนโลก Social และมีคนไปกินที่ร้านถล่มทลาย “หลั่นหยิน ก๋วยจั๊บหมูกรอบ” เป็นก๋วยจั๊บร้านเล็กๆเพียงห้องเดียวแต่สามารถชูจุดเด่นจนคนต้องมาลิ้มลองและเป็นที่พูดถึงเป็นจำนวนมาก แต่จะมาถึงวันนี้นั้นไม่ได้ง่าย 7 ปีแห่งเส้นทางร้านอาหาร เรามาดูไปพร้อมๆกันเลยว่าจุดกระโดดของเค้าอยู่ที่ไหนกันพร้อมแล้วเอ้าลุยยยยย

จุดเริ่มต้นของร้าน

คุณวงศกร บุญราช (พี่หนึ่ง) เจ้าของร้านหลั่นหยินได้เล่าให้ฟังว่า ร้านเปิดมาตั้งแต่ช่วงปี 53 ถัดไปจากร้านปัจจุบันเพียง 2-3 ห้องเป็นบ้านไม้เล็กๆ เริ่มจากทุนเพียงไม่เกิน5พันบาท และนั่นคือจุดกำเนิดของ“บะกุ๊ดเต๋สามชัย”เดิมทีขายแต่บะกุ๊ดเต๋เท่านั้น ช่วงเปิดร้านวันแรกๆนี่ขายดีมาก ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ทว่าคนที่มากินมาอุดหนุนก็คือคนรู้จักและญาติๆทั้งนั้น หลังจากช่วงเปิดแรกๆร้านก็ได้เงียบเหงาซบเซาลูกค้ามีมาพอสมควร และมีเหตุให้ต้องย้ายร้านใหม่ซึ่งเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน จึงมีความคิดที่จะเพิ่มเมนูใหม่เข้ามาด้วยเนื่องจากบะกุ๊ดเต๋ขายได้เฉพาะกลุ่มบางคนก็ยังไม่รู้จักเท่าที่ควร

ย้ายร้านแล้วเพิ่มเมนูใหม่ขยายตลาด

เพิ่มเมนูเป็นเมนูก๋วยจั๊บเพราะว่าพวกเครื่องวัตถุดิบที่มีอยู่สามารถใช้ด้วยกันได้ จึงเป็นเมนู “ก๋วยจั๊บรวมมิตร” เพิ่มความหลากหลายมากยิ่งขึ้นลูกค้าก็ทยอยมาเรื่อยๆอาศัยปากต่อปากไป ฟังคำคอมเมนต์ของลูกค้าต่างๆเพื่อมาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมก็เริ่มมีลูกค้ากลับมามากขึ้น มีลูกค้าประจำมาอุดหนุนบ่อยๆ   เห้ย!! เรามาถูกทางแล้วและมีความคิดที่อยากสร้างแบรนด์ทางคุณหนึ่งจึงได้ถามคุณแม่ว่ามีชื่อภาษาจีนไหมจึงได้ชื่อ “หลั่นหยิน” คุณหนึ่งเล่าต่อว่าแม้จะเจออุปสรรคหรือเจอช่วงที่ท้อๆอยู่บ่อยครั้งแต่ตนโชคดีมากที่ทางครอบครัวคอยช่วยสนับสนุน ให้กำลังใจ

ขายไม่ดีเคย Delivery อยู่ 2 เดือน

มีช่วงขายดีก็ต้องมีช่วงยอดตกเป็นธรรมดา พี่หนึ่งเล่าต่อว่า เพราะเราไม่เคยอยู่นิ่ง ร้านอาหารก็จะต้องมีช่วงที่ขายดีและขายไม่ดีบ้างเป็นธรรมชาติตามเศรษฐกิจของเมือง ทำทุกทางเพื่อให้ร้านได้มียอดขายเข้ามาก็เลยเริ่มลอง Delivery ดีปรากฎว่าตอบโจทย์ลูกค้าส่งกันแทบไม่ทันจนปัจจุบันไม่ได้ส่งแล้ว เพราะประชากรไม่เพียงพอบวกกับในช่วงนั้นๆเริ่มมีลูกค้าเข้ามาที่ร้าน จึงมาเน้นหน้าร้านให้ดีขึ้น!!!

แล้วหมูกรอบมาตอนไหน

มีก๋วยจั๊บแล้วลูกค้าที่มากินก็ feedback มาบ่อยๆอยากให้มีหมูกรอบเพิ่มเข้ามาบวกกับที่พี่หนึ่งเป็นคนที่ชอบทานหมูกรอบอยู่แล้ว จึงเริ่มศึกษาหาวิธีตามตำราสูตรต่างๆ เปิดเว็บหาสูตรหมูกรอบ เข้าดูวิธีทำใน youtube เรียนรู้อยู่นานจนเจอสูตรที่ใช่แล้วก็ขายทันที ไม่รีรออะไร !! นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเมนูใหม่เช่นเมนู ข้าวหมูกรอบ หมูตุ๋น ซุปเปอร์ตีนไก่ เกาเหลาหมูตุ๋นอีกด้วยเพื่อเพิ่มความหลากหลาย

แล้วร้านเป็นกระแสได้ยังไงครับ

Social Network นี่หละครับ พี่หนึ่งตอบแบบมั่นใจ แรกๆก็แค่โพสต์ๆไปใน Facebook ส่วนตัวก็เห็นแค่กลุ่มญาติๆเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ แบบนี้เราแทบไม่ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาเลย จนมีเพื่อนคนนึงแนะนำให้ทำโฆษณาลง Social หลักจากนั้นได้ผลตอบรับเกินคาดเพราะหันมาชูจุดเด่นเป็นหมูกรอบของเรา ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงเวลาอันสั้นเลย

จุดเด่นของร้านก็คือ…

ใช่ครับ จุดเด่นของทางร้านคือหมูกรอบ เป็นคนที่ชอบกินหมูกรอบแล้วถ้าได้ชิ้นใหญ่ๆ โตๆ หนาๆ หนังกรอบๆ มันฟินมากเราชอบกิน ลูกค้าบางส่วนอาจชอบเหมือนเรา ก็เลยเอาความชอบมาเป็นจุดเด่นครับ

ปัญหาของร้านที่เราเจอ

  • แน่นอนเลยว่าปัญหาของร้านก็คือเรื่องที่ทุกๆร้านต้องเจอคือลูกน้องพนักงานที่มีการเข้าออกเปลี่ยนบ่อย
  • ส่วนอีกปัญหาคือเรามีที่นั่งไม่เพียงพอในบางช่วงทำให้ลูกค้ามาแล้วกลับเลย ปัจจุบันเลยแก้ไขปัญหามีที่นั่งเป็นบาร์เล็กๆให้นั่งรอและระหว่างรอให้สั่งอาหารไปเลยเมื่อถึงคิวลูกค้าก็จะได้กินทันที

cats-2.jpg (1200×600)

เป้าหมายของทางร้าน

  • ขยายร้านใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่มาใช้บริการในแต่ละวัน
  • ขยายสาขา โดยการขายแฟรนไชส์หรือขายสูตร ตามจังหวัดต่างๆ

ข้อคิดดีๆจากพี่หนึ่ง

  • ก๋วยจั๊บถ้วยนึงถ้าเราไม่ใส่ใจเราจะขายลูกค้าได้แค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเราใส่ใจไปด้วยเขาจะเป็นลูกค้าประจำเรา
  • เรียนรู้จากข้อผิดพลาดอยู่เสมอ พร้อมรับฟังปัญหา เพื่อนำมาปรับแก้ไขให้ดีขึ้น

คุยกับพี่หนึ่งมาพอสมควรได้ข้อคิดดีๆมาเยอะพอสมควร ทำร้านอาหารมา7 ปี แต่มาก้าวกระโดดตอนลง social เมื่อต้นปีที่แล้ว สรุปว่าเราต้องมีใจที่อดทนเรียนรู้พัฒนาต่อไป และสู้ไม่ถอยนั่นเองงงง

Check Also

บทสัมภาษณ์ร้านซูชิแชมป์เปี้ยน

กว่า 8 ปีบนเส้น …